สมัยก่อนการทำประกันชีวิต ประกันสุขภาพ ไม่เป็นที่นิยมเพราะมีความเชื่อว่าการทำประกัน คือการแช่งตัวเองให้เจ็บป่วย หรืออายุสั้น แต่ในปัจจุบันความเข้าใจในเรื่องการทำประกันดีขึ้นมาก ประกอบกับค่ารักษาพยาบาลในปัจจุบันค่อนข้างจะสูง หลายท่านจึงเลือกซื้อประกันสุขภาพ เพื่อผลักภาระค่ารักษาพยาบาลมาให้บริษัทประกัน

แต่หลายท่านก็ยังลังเล เนื่องจากมีความรู้สึกว่าเบี้ยประกันสุขภาพ “เป็นเบี้ยจ่ายทิ้ง” เพราะเบี้ยส่วนนี้ไม่ได้นำมาคิดคำนวณเงินปันผลต่างๆ ถ้าปีนั้นไม่ได้เจ็บป่วย ก็เหมือนกับจ่ายเงินส่วนนี้ทิ้งไปเปล่าๆ ก็เลยทำให้รู้สึกว่าไม่คุ้ม และไม่ตัดสินใจที่จะทำประกันสุขภาพ

ผมชวนทุกท่านคิดซักนิดนะครับ เราทำประกันสุขภาพเพราะอะไรครับ?

เพราะต้องการหลักประกันว่าถ้าเราเจ็บป่วย จะมีคนมาจ่ายค่ารักษาพยาบาลแทนเรา หรือทำเพราะอยากคุ้ม

ผมเชื่อว่าทุกท่านคิดจะทำประกันสุขภาพ ก็เพราะต้องการหลักประกัน ว่าถ้าเราเจ็บป่วย จะมีคนมาจ่ายค่ารักษาพยาบาลแทนเรา แต่หากเราไม่ได้เคลม ก็ให้คิดว่าโชคดีแล้วที่เราสุขภาพแข็งแรง ไม่เจ็บป่วย

ผมยกตัวอย่างเบี้ยประกันเพื่อให้เห็นภาพนะครับ

นาย A อายุ 35 ปี ทำประกันสุขภาพแบบเหมาจ่าย เบี้ยประกันปีละ 22,000 บาท มาเป็นเวลา 3 ปี ไม่เคยเคลมค่ารักษา เพราะมีสุขภาพแข็งแรง จึงมีความรู้สึกว่าการจ่ายเบี้ยประกันเป็นเรื่องที่สิ้นเปลืองเหมือนกับจ่ายเงินทิ้งไปโดยเปล่าประโยชน์ ก็เลยขอยกเลิกประกัน

แต่ในปีที่ 4 นาย A ตรวจพบนิ่วในถุงน้ำดี ต้องทำการผ่าตัด ค่าใช้จ่ายประมาณ 100,000 บาท แต่เนื่องจากนาย A ยกเลิกประกันสุขภาพไปแล้ว จึงต้องจ่ายค่ารักษาพยาบาลเองทั้งหมด

ลองคิดดูว่าถ้านาย A ไม่ยกเลิกประกันสุขภาพ และจ่ายเบี้ยประกันปีที่ 4 ต่อไป นาย A จะจ่ายเบี้ยประกันรวม 4 ปี เป็นเงิน 88,000 บาท แต่เคลมค่ารักษาพยาบาลแค่ครั้งเดียว 100,000 บาท มากกว่าเบี้ยประกันที่ส่งมาแล้ว 4 ปี ซะอีก

เห็นมั้ยครับว่าจริงๆ แล้วการซื้อประกันคือการซื้อเครื่องมือป้องกันความเสี่ยง เพราะเมื่อถึงวันที่ต้องเจ็บป่วย เราจะได้ไม่ต้องไปเอาเงินเก็บ ที่พยายามเก็บมาด้วยความยากลำบาก มาจ่ายหมดไปกับค่ารักษาพยาบาล

ผมอยากให้ทุกท่านเปลี่ยนความคิดนะครับ เราซื้อประกันเพื่อป้องกันวามเสี่ยง ไม่ได้ซื้อเพราะต้องการคุ้มค่า การที่คุณสุขภาพแข็งแรง ไม่เจ็บป่วย ทำให้ไม่ต้องเคลมประกัน มันคุ้มที่สุดแล้วครับ